วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2566

วิวัฒนาการของทารกในครรภ์

 

               วิวัฒนาการของทารกในครรภ์



เเหล่งที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=U2g6Okdb9Fc

การตั้งครรภ์ 

เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าสำหรับผู้หญิง เพราะการเริ่มมีอีกหนึ่งชีวิตในร่างกายของเราถือเป็นความมหัศจรรย์ ที่คุณแม่มือใหม่จะได้เรียนรู้พัฒนาการของทารกในครรภ์ ในแต่ละเดือน ทารกในครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย การที่คุณแม่ได้ทราบพัฒนาการของทารกในครรภ์จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อช่วยให้คุณแม่ปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์



เดือนแรก – ปฏิสนธิ
ช่วงเดือนแรกสุดคือการที่ไข่ผสมกับสเปิร์ม และไข่ที่ได้รับการผสมจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวจากท่อนำไข่ไปฝังตัวที่มดลูก จากนั้นเซลล์ก็จะเริ่มแบ่งตัวมากขึ้น โดยจะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อน ส่วนเนื้อเยื่อด้านนอกก็จะค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นส่วนหนึ่งของรก ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการอยู่รอดของทารก

เดือนที่ 2 – พัฒนาการเบื้องต้น

เมื่อตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มเห็นพัฒนาการได้ชัดขึ้น เราจะเริ่มเห็นศีรษะทารกซึ่งจะใหญ่กว่าอวัยวะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้า มือ หรือเท้า หากทำอัลตราซาวด์ตอนนี้ คุณแม่จะเห็นว่าตัวทารกขยับไปมา ได้เห็นหัวใจเล็ก ๆ เต้น ตุบ ๆ สายสะดือซึ่งทำหน้าที่เป็นปอดนำออกซิเจนจากแม่สู่ลูก เป็นสายที่นำอาหารมาเลี้ยงลูก ในช่วงนี้ทารกจะมีรูปร่างกลม ๆ ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร

เดือนที่ 3 – สมองและกล้ามเนื้อประสานกัน
เริ่มมีอวัยวะบนหน้าของทารกเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ตายังปิดอยู่เท่านั้น สมองและกล้ามเนื้อเริ่มทำงานประสานกัน กล้ามเนื้อกำลังพัฒนา จะเห็นได้ว่าแขนขาของทารกจะขยับไปมา ข้อต่าง ๆ เริ่มประสานกัน นิ้วมือและนิ้วเท้าพัฒนาจนสมบูรณ์แล้วจะงอได้ด้วย เล็บงอกยาว ทารกจะเริ่มมีการดูดนิ้วและกลืนน้ำคร่ำ หรือลอยตัวในน้ำคร่ำซึ่งทำหน้าที่ห่อหุ้มและปกป้องร่างกายเล็ก ๆ ไว้อย่างดี หลังจาก 3 เดือนแรกไปแล้ว อวัยวะของทารกจะเริ่มเป็นรูปร่างมีพัฒนาการ คุณแม่จะต้องระวังในช่วงนี้ อย่ารับประทานยาหรืออาหารที่อาจเป็นอันตราย ตอนนี้ทารกมีขนาดประมาณ 10 -12 เซนติเมตร

เดือนที่ 4 - ทราบเพศแล้ว ชายหรือหญิงนะ
ตอนนี้ทารกมีแขนและข้อต่อที่สมบูรณ์ กล้ามเนื้อแข็งแรง ทารกสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น สำหรับคุณแม่มือใหม่อาจจะไม่รู้สึกว่าลูกดิ้น นอกจากนี้ผมจะเริ่มงอกทั่วร่างกาย แพทย์สามารถทำการอัลตราซาวด์ที่ท้องเพื่อฟังเสียงหัวใจของทารกได้ ไตเริ่มจะทำงานเหมือนกับผู้ใหญ่ ถ้าเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ จำนวนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ซึ่งระยะนี้ทารกจะมีการดิ้น เตะ ยืดนิ้วมือ นิ้วเท้า ร่างกายจะพัฒนาจนสามารถมองเห็นอวัยวะเพศทารกได้ถ้าตรวจด้วยอัลตราซาวด์ ตอนนี้ทารกจะมีขนาด 16 – 18 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 200 กรัม

เดือนที่ 5 – รับรู้โลกนอกครรภ์ รส กลิ่น เสียง )
ช่วงเดือนนี้ทารกจะโตเร็วมาก คุณแม่จะรู้สึกได้แล้วว่าลูกดิ้น เพราะกล้ามเนื้อของทารกแข็งแรงขึ้น ฟันเริ่มพัฒนาอยู่ใต้กราม ผมเริ่มงอก คิ้วและขนตาเริ่มพัฒนา นอกจากนี้ทารกจะเพิ่มการสัมผัสรับรู้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ กลิ่นและเสียง แม้ตาจะยังปิดอยู่ แต่ทารกจะสัมผัสถึงแสงจ้าได้ ได้ยินเสียงคุณแม่ และรู้สึกได้เมื่อมีการลูบท้องเบา ๆ ในช่วงปลายเดือนที่ 5 และลูกจะขับถ่ายปัสสาวะปนมาในน้ำคร่ำได้แล้ว

เดือนที่ 6 – การตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ช่วงนี้ทารกจะโตช้าลงเล็กน้อย เพื่อให้อวัยวะภายในร่างกาย เช่น ปอด ระบบทางเดินอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายพัฒนา ซึ่งในระยะนี้ทารกจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น อาจมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงหัวใจของคุณแม่ เสียงอื่น ๆ เช่น เสียงดนตรี ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่สามารถพูดคุยกับลูกได้ เพราะทารกจะได้ยินเสียงเราชัดเจน

เดือนที่ 7 – ลืมตาแล้ว
ในเดือนนี้ทารกจะเริ่มสะสมไขมันใต้ผิวหนังทั่วทั้งตัวเพื่อรักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย รวมทั้งปกป้องผิวหนังจากของเหลวอื่น ๆ ปอดจะพัฒนา หนังตาเริ่มเปิด ตาจะมองเห็นแสงผ่านหน้าท้องของแม่ได้ ทารกจะขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง ๆ จังหวะการเต้นของหัวใจจะเปลี่ยนตามแสงและเสียงที่ทารกสัมผัสได้ นอกจากนี้จะเริ่มพัฒนาตุ่มรับรสด้วย ถ้ามีความจำเป็นต้องคลอดในปลายเดือนนี้ ทารกจะมีอัตรารอดค่อนข้างสูง เพราะอวัยวะสำคัญเริ่มทำงานเป็นปกติแล้ว

เดือนที่ 8 – เตรียมคลอด
ทารกจะดิ้นน้อยลง เนื่องจากตัวเริ่มใหญ่จนคับในครรภ์แม่ และเริ่มกลับตัว ศีรษะจะหันมาทางปากมดลูกเพื่อเตรียมคลอด ในช่วงนี้คุณแม่อาจรู้สึกเจ็บท้องเตือน  เนื่องจากมดลูกมีการบีบตัว เพื่อช่วยให้ทารกมีความพร้อมลงไปสู่ปากมดลูกที่ใกล้เปิดแล้ว

เดือนที่ 9 – เตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่
ในเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทารกจะอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมคลอด เล็บจะยาวขึ้นเพื่อปกป้องปลายนิ้ว ศีรษะจะอยู่ใกล้ปากมดลูก และคุณแม่ก็พร้อมจะคลอดได้ทุกเมื่อ ส่วนใหญ่แล้ว คุณแม่จะคลอดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ก่อนครบกำหนด (สัปดาห์ที่ 40)

ตลอดระยะเวลา 9 เดือน

 เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น คุณแม่ควรจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์และไปตรวจครรภ์ตามกำหนดเพื่อติดตามดูพัฒนาการของทารกในครรภ์อย่างละเอียด  ส่วนในช่วงเดือนที่ 9 คุณแม่จะต้องสังเกตตัวเองว่ามีข้อบ่งชี้หรือสัญญาณเตือนที่จะคลอดลูกหรือไม่ และเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดลูกน้อย

ทักษะการยิงระยะไกล!!!

 

                                     การยิงลูกระยะไกล 




เเหล่งที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=LCGIgCw_Z84








  มีขั้นตอนดังนี้ 
1. มองเป้าหมาย แตะบอลไปข้างหน้าเพื่อหาจังหวะ
2. ก้าวเท้าหลักไปวางให้มั่นข้างลูกบอล  เกร็งข้อเท้า งุ้มนิ้วเท้า ข้างที่ใช้เตะ  
3. ง้างขามาจากหลังตูด ก้มหน้าลง 
4. ซัดสุดแรงเกิด จนเท้าหลักลอยขึ้นมาเหนือพื้นจังหวะที่เตะโดนบอล (ถ้าทำได้)
5. Follow Through เท้าข้างที่ใช้เตะ ตามบอลไป

ถ้ายิงแล้วขุดดินก็ลองเอียงตัวนิดนึง
ถ้ายิงแล้วมันไม่แรง ก็ไปลองไปเวทเทรนนิ่ง วิ่งบ่อยๆ เพิ่มกล้ามขาก่อน

ผู้เล่นทุกคนมีลักษณะการวางเท้าและจังหวะในการยิงของตัวเองต่างกัน
ต้องขยัน ซ้อม ซ้อม และ ซ้อม เพื่อหาจังหวะของตัวเองให้เจอ

วิธีการเลี้ยงไก่ไข่สำหรับมือใหม่

                              การเลี้ยงไก่ไข่ 

เเหล่งที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=q-PcU-fbgZI

วางแผนก่อนเลี้ยงไก่ไข่

แน่นอนว่าก่อนจะทำอะไรต้องมีการวางแผน ซึ่งตอนแรกเราอาจต้องคิดว่าจะเลี้ยงไก่พันธุ์ไหน และเลี้ยงจำนวนเท่าไร จากนั้นจึงค่อยๆ เรียนรู้ และเพิ่มจำนวนรวมไปถึงศึกษาพฤติกรรม การให้อาหาร โรคที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการดูแลป้องกัน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ปลูกกล้วย ข้าว และผักสวนครัว เพื่อใช้เป็นอาหารหลักและอาหารเสริมให้กับไก่ไข่

ไก่ไข่มีพันธุ์ไหนบ้าง

สำหรับในบ้านเราสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นิยมเลี้ยงมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์คือ ไก่โรดไทยไก่ไข่ไทยกรมปศุสัตว์ และไก่ไข่เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร โดยแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกัน

  1. ไก่โรดไทย

    เป็นไก่พันธุ์แท้กึ่งเนื้อกึ่งไข่ ซึ่งหากใครต้องการใช้ทั้งเนื้อและไข่ก็เลือกเลี้ยงไก่พันธุ์นี้ ลักษณะของไก่พันธุ์นี้คือ มีขนสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเปลือกไข่เป็นสีน้ำตาล จะให้ไข่ฟองแรกเมื่ออายุประมาณ 168 วัน อัตราการให้ไข่อยู่ที่ 94 % หรือคิดเป็น 240 ฟองต่อตัวต่อปี

  2. ไก่ไข่ไทยกรมปศุสัตว์

    ลักษณะของไก่สายพันธุ์นี้คือมีขนสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม ขนปีกสีน้ำตาล สร้อยคอสีน้ำตาลเข้ม หงอนจักรใหญ่สีแดงสดเหนียงสีแดงใหญ่ ตุ้มหูแดงมีสีขาวปนเล็กน้อย ผิวหนังและแข้งมีสีเหลือง ปลายหางมีสีดำ เปลือกไข่สีน้ำตาลอ่อน จะให้ไข่ฟองแรกเมื่ออายุประมาณ 169 วัน ผลผลิตประมาณ 290 ฟองต่อตัวต่อปีพันธุ์ไก่ไข่พันธุ์ไก่ไข่พันธุ์ไก่ไข่
  3. ไก่ไข่เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร

    เป็นไก่พันธุ์แท้ ตัวเล็ก ขนสีขาว เปลือกไข่สีขาวไข่ดก ให้ไข่เร็วโดยจะให้ไข่ครั้งแรกเมื่ออายุ 4 เดือนถึง 5 เดือน ผลผลิตประมาณ 300 ฟองต่อตัวต่อปี

    วิธีเลี้ยงไก่ไข่

การเลี้ยงไก่ไข่มีทั้งแบบเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ หรือเลี้ยงแบบโรงเรือน โดยทั้ง 2 รูปแบบมีความแตกต่างกัน

  1. การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยอิสระ

    เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะทำให้ไก่อารมณ์ดีมีสุขภาพจิตที่ดี แข็งแรง ส่งผลดีกับผลผลิต ทำให้ไข่แดงสีเข้ม นูนเด่น ไข่ขาวสีข้นชัดเจน และเมื่อนำมาประกอบอาหารก็จะได้อาหารที่อร่อย รสชาติดี แถมยังเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสายพันธุ์ที่เหมาะจะเลี้ยงแบบปล่อยอิสระคือไก่ไข่สายพันธุ์โรดไทย ไก่บาร์ไทย ไก่พลีมัธร็อกไทย และไก่ไข่กรมปศุสัตว์เพราะไก่สายพันธุ์เหล่านี้สามารถหาอาหารตามธรรมชาติกินเองได้ ดังนั้นจึงสามารถปล่อยพวกมันได้ที่ลานโล่งที่มีหญ้าปกคลุมได้เลยแต่ต้องห่างจากบ้านพักอาศัยสักหน่อย นอกจากนั้นยังต้องดูว่าพื้นที่นั้นไม่ควรมีสารเคมีอย่างน้อย 3 ปี รวมถึงดินต้องไม่มีสารเคมี หรือโลหะหนักปนเปื้อน
  2. การเลี้ยงไก่ไข่แบบโรงเรือน

    สำหรับโรงเรือนที่จะใช้เลี้ยงไก่ไขนั้นจะต้องมีทั้งความแข็งแรงทนทาน กันได้ทั้งลม แดด ฝน รวมไปถึงสัตว์ต่างๆ ที่จะรบกวนและเป็นอันตรายต่อไก่ไข่รวมทั้งโรงเรือนนั้นจะต้องทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นที่สะสมของเชื้อโรค อยู่ห่างจากชุมชนเพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นรบกวน สำหรับโรงเรือนนั้นจะเป็นคอนกรีตแล้วรองพื้นด้วยแกลบหนาประมาณ 3-5 นิ้ว มีรังไข่ 1 ช่องต่อแม่ไก่ 4 ตัว และประตูเข้า-ออก 2 ด้านเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนปล่อยไก่ให้ไปสู่แปลงอิสระ แต่ถ้ามีโรงเรือนมากกว่า 1 หลังแต่ละหลังควรเว้นระยะห่างมากกว่า 10 เมตร เพื่อช่วยในเรื่องการถ่ายเทอากาศ

ไก่ไข่ไก่ไข่ไก่ไข่

น้ำและอาหารไก่ไข่

โดยไก่ไข่ที่อายุ 5 เดือนขึ้นไป ต้องการน้ำประมาณ 0.5 ลิตรต่อวันต่อตัว หากขาดน้ำในช่วงที่กำลังไข่เพียง 3-4 ชั่วโมง จะทำให้ไข่ฟองเล็ก น้ำสำหรับให้ไก่ไข่ควรเป็นน้ำสะอาด ส่วนเรื่องของอาหารนั้น ถ้าเป็นช่วงเริ่มให้ไข่จะเป็นอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีน 13-15 % ซึ่งก็มีทั้งอาหารผสม หัวอาหาร อาหารอัดเม็ด หรืออาหารสำเร็จรูป และอาหารเสริม


วิวัฒนาการของทารกในครรภ์

                 วิวัฒนาการของทารกในครรภ์ เเหล่งที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=U2g6Okdb9Fc การตั้งครรภ์   เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าสำหร...